&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #999999;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #cc99ff;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #0000ff;&quot;&gt;แปลและเรียบเรียงโดย พ.ญ.บุณยวีร์ อนุเชษฐรักษ์ และ น.พ.ณัฐเขต แย้มอิ่ม&lt;/span&gt;&lt;/span&gt;&amp;nbsp;พัลซ์ คลินิก&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;hr /&gt;
&lt;p&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #808080;&quot;&gt;&lt;img src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/Logo%20PULSE%20Cross.png&quot; width=&quot;17&quot; height=&quot;17&quot; /&gt;&amp;nbsp;&lt;/span&gt;ปีที่แล้วมีข่าวใหญ่ให้ฮือฮาว่า เพร็พฉีด Cabotegravir ที่ฉีดป้องกันเอชไอวีทุกๆ 2 เดือนนั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ดีมาก แต่จากการศึกษาปัจจุบันกลับพบไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วเมื่อได้ทำการต่อศึกษาต่อจนนำมาสู่ความกระจ่างในวันนี้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;div&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ทีมนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบงานวิจัยชิ้นนี้ โดยการตรวจเลือดผู้เข้าร่วมวิจัยจำนวน 4,570 คนซ้ำอีกครั้ง พบว่ามีผู้เข้าร่วมวิจัย 4 คนที่ติดเชื้อเอชไอวีมาก่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนได้รับยาเพร็พฉีด (Cabotegravir) ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเชื้อเอชไอวีได้กลายพันธุ์จนเกิดการดื้อต่อยา Cabotegravir และยาต้านไวรัสเอชไอวีสูตรใกล้เคียง ซึ่ง Cabotegravir นี้โดยปกติแล้วสามารถใช้รักษาเอชไอวีได้ แต่ในกรณีที่ผู้ร่วมงานวิจัยเกิดเชื้อดื้อยาต่อยาตัวนี้ ก็ไม่สามารถใช้ยาตัวนี้รักษาได้ แม้จะมียาต้านไวรัสตัวอื่นๆที่ยังสามารถใช้แทนได้ แต่ราคายาเหล่านั้นสูงมากและในหลายๆประเทศไม่มียากลุ่มนี้&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ทีมนักวิจัยเชื่อว่า ยา Cabotegravir&amp;nbsp;กดเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt;&lt;/span&gt; ในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อเอาไว้ทำให้ตรวจเจอ&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;มีข่าวว่าได้มีการเสนอใช้ยาอื่นเข้ามาทำการทดลองเพร็พฉีดเป็นยาป้องกันก่อนสัมผัสความเสี่ยง หรือ PrEP (Pre-exposure prophylaxis) &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.uclahealth.org/raphael-jeremiah-landovitz&quot;&gt;นายราฟาเอล แลนโดวิทซ์&lt;/a&gt;&lt;/span&gt; (นักวิจัยด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอส แองเจลลิส ผู้เสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับผลของยา Cabotegravir ในงานประชุม &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://www.croiconference.org/croi-2021/&quot;&gt;CROI 2021 ในวันที่ 9 มีนาคม 2021&lt;/a&gt;&lt;/span&gt;) ได้ให้คำแนะนำว่า&lt;/span&gt; ควรใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่มีความไวต่อเอชไอวีมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำรอยขึ้นอีก&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล แลนโดวิทซ์และทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงยืนยันว่า&lt;/span&gt; PrEP เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการควบคุมการติดเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt; &lt;/span&gt; รายใหม่ที่มีเพิ่มมากขึ้นถึง 1.7 ล้านคนต่อปี&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ในด้านของนางคาไรชา อับดุล คาริม (รองผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยโรคเอดส์แห่งประเทศแอฟริกาใต้ ณ เมืองเดอร์บัน แอฟริกาใต้) ยังคงมีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของยา ถึงแม้นางคาไรชา อับดุล คาริม จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้โดยตรง แต่ก็มีบทบาทหน้าที่ในเครือข่ายกล่าวว่า &amp;ldquo;เราอาจจะควรเปลี่ยนการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีในผู้ใช้เพร็พ ความไวมากขึ้นและแม่นยำมากขึ้น&amp;rdquo;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ในปี 2012 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการใช้ยากินชนิดเม็ดรวม ชื่อว่า&lt;/span&gt; &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/truvada&quot;&gt;Truvada&lt;/a&gt; &lt;/span&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/buypreponline/order-form/&quot;&gt;(emtricitabine/tenofovir)&lt;/a&gt;&lt;/span&gt; เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี &amp;nbsp;ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Gilead Sciences ที่เมืองฟอสเตอร์ซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าการกินยา Truvada สามารถใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมากกว่า 85% อย่างไรก็ตามงานวิจัยพบว่า ในคนที่ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีที่ทานเพร็พนั้นมักจะไม่ได้กินยาทุกวัน ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยในประเทศเคนย่า แทนซาเนีย และแอฟริกาใต้ ต้องหยุดชะงักลง เพราะมีการติดเชื้อเอชไอวีในผู้ร่วมงานวิจัย และจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาปริมาณยาในเลือดก็พบว่า ยังมีผู้เข้าร่วมทดลองหลายคนไม่ได้กินยาเพื่อป้องกัน&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;ดังนั้นทีมนักวิจัยจึงคิดค้นพัฒนายาต้านไวรัสที่จะสามารถอยู่ในกระแสเลือดได้นานมากขึ้น โดยหากยาสามารถคงตัวอยู่ในร่างกายได้นาน เป็นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ก็จะสามารถช่วยลดความถี่ในการกินยาลงไปได้ เช่นยาฉีด Cabotegravir &amp;nbsp;&lt;/span&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&lt;em&gt;ย้อนกลับ 1 ปีก่อน ทั่วโลกต่างให้ความสนใจเมื่อราฟาเอล แลนโดวิทซ์ประกาศว่าการฉีดยา Cabotegravir เดือนเว้นเดือน มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt; &lt;/span&gt;ได้ดีกว่าการกินยา Truvada ทุกวัน 3 เท่า งานทดลองนี้เปรียบเทียบระหว่างการกินยา Truvada และการฉีดยา Cabotegravir ในกลุ่มชายรักชายและหญิงข้ามเพศ จาก 7 ประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และบราซิล&amp;nbsp; ผลการทดลองเพร็พฉีด Cabotegravir ประสบความสำเร็จอย่างมากจนทีมวิจัยเปลี่ยนแผนการทดลอง คือให้ฝั่งผู้เข้าร่วมการทดลองที่ได้รับยา Truvada กิน เปลี่ยนสลับไปใช้ยาฉีด Cabotegravir &amp;nbsp;ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า&amp;nbsp; อย่างไรก็ตามทีมวิจัยสงสัยว่าทำไมผู้เข้าร่วมทดลองถึงยังติดเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt; &lt;/span&gt;ได้ แล้วก็ได้พบว่าผู้เข้าร่วมทดลองบางคนไม่ได้กินยา Truvada ทุกวันตามกำหนดและบางคนติดเชื้อหลังจากที่หยุดกินยาไปแล้ว&lt;/em&gt;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นักวิวิจัยแปลกใจกับผลที่เกิดขึ้น และต่อมาเมื่อได้ทำการตรวจเลือดด้วยวิธีตรวจที่มีความไวสูงกว่าเดิม ก็พบว่ามี 4 คน ติดเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt;&lt;/span&gt; มาก่อนแล้วนานถึง 6-16 สัปดาห์ก่อนที่จะตรวจด้วยวิธีปกติ นายราฟาเอล แลนโดวิทซ์ได้แสดงความเห็นว่ายา Cabotegravir นั้นมีประสิทธิภาพในการกดเชื้อเอชไอวีได้ดีมากจนการตรวจด้วยวิธีปกติไม่สามารถตรวจเจอได้ แต่ความเชื่อนี้เปลี่ยนไปเมื่อพบว่าเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt; &lt;/span&gt;กลายพันธุ์เป็นเชื้อดื้อยา อีกทั้งยังมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&amp;ldquo;ที่อยากฝากไว้ คือ เราจำเป็นต้องใช้วิธีตรวจวินิจฉัยเอชไอวีที่ดีขึ้นกว่าเดิม และต้องมีความพร้อมที่จะให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุดทันทีที่ได้รับวินิจฉัย&amp;rdquo; &amp;ndash; นายแลนโดวิทซ์กล่าว อีกทั้งได้เผยว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่ติดเชื้อ &lt;span style=&quot;color: #ffffff;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/th/hiv&quot;&gt;HIV&lt;/a&gt;&lt;/span&gt; ที่ดื้อต่อยา Cabotegravir นั้นตอบสนองดีต่อการใช้ยาทางเลือกตัวอื่นในการต้านไวรัส&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;นายไมเคิล โรเบิร์ตสัน กรรมการบริหารแห่ง ศูนย์วิจัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ Merck ในรัฐเพนซิลเวเนีย กล่าวว่าทีมนักวิจัยได้วางแผนการและทำวิเคราะห์ผลเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีชนิดดื้อยาในงานทดลอง 2 ชิ้นที่ดำเนินการโดยศูนย์วิจัย Merck ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา งานทดลองชิ้นแรกจะศึกษาว่าการกินยาชนิดใหม่ชื่อ Islatravir ที่กินเดือนละเม็ดว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อเอชไอวีได้มากน้อยแค่ไหน &amp;nbsp;ในขณะที่งานทดลองชิ้นที่ 2 จะทำการฝังยา Islatravir เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขน และนำมาทำการเปรียบเทียบกัน&amp;nbsp; นายไมเคิล โรเบิร์ตสัน เชื่อว่าแม้จะเกิดความล้มเหลวในการทดลองยา Cabotegravir การกินยาเดือนละเม็ดหรือการฝังยาต้านอาจจะช่วยลดตราบาปในใจของผู้ที่รู้สึกไม่ดีต่อการต้องกินยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีวันละเม็ดไปทุกๆวัน&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p style=&quot;text-align: center;&quot;&gt;&lt;span style=&quot;color: #99ccff;&quot;&gt;&amp;nbsp;&lt;span style=&quot;color: #808080;&quot;&gt;&lt;img src=&quot;https://cms.pulse-clinic.com/Files/Logo%20PULSE%20Cross.png&quot; width=&quot;17&quot; height=&quot;17&quot; /&gt;&lt;/span&gt;&lt;/span&gt;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;&amp;nbsp;&lt;/p&gt;
&lt;p&gt;อ้างอิง&lt;/p&gt;
&lt;ol&gt;
&lt;li&gt;Van Damme, L. et al. N. Engl. J. Med. 367, 411&amp;ndash;422 (2012).&lt;/li&gt;
&lt;li&gt;&lt;a href=&quot;https://www.nature.com/articles/d41586-021-00618-7&quot;&gt;&lt;em&gt;Nature&amp;nbsp;&lt;/em&gt;&lt;strong&gt;591&lt;/strong&gt;, 357-358 (2021)&lt;/a&gt;&lt;/li&gt;
&lt;/ol&gt;
&lt;/div&gt;

พบจุดอ่อนของงานวิจัยเพร็พฉีดป้องกันเอชไอวี Cabotegravir

การมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อุบัติใหม่ เชื้อไมโคพลาสมาและยูเรียพลาสมา (Mycoplasma & Ureaplasma infections)

'ยาเพร็พ ( PrEP )' คืออะไร?

ตรวจสุขภาพทางเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ตรวจหาดีเอ็นเอเชื้อโรค 12 ชนิด (NAAT)

ฉีดวิตามิน

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้ยาเพร็พ (PrEP)

วิธีการรับประทานยาเพร็พ (PrEP)

TAFICITA/ TAFERO-EM (New PrEP)

โควิด  19 กับยาเพร็พ (COVID-19 - PrEP)

ยาเพร็พ (PrEP) - รับยาเพร็พที่พัลซ์คลินิก

พบจุดอ่อนของงานวิจัยเพร็พฉีดป้องกันเอชไอวี Cabotegravir

WHAT ELSE DO YOU NEED TO KNOW

RELATED SERVICES