ความรู้เกี่ยวกับซีดีโฟร์ CD4 สำหรับการรักษาเอชไอวีและเอดส์ | PULSE CLINIC - Asia's Leading Sexual Healthcare Network.

ความรู้เกี่ยวกับซีดีโฟร์ CD4 สำหรับการรักษาเอชไอวีและเอดส์

11315

เอชไอวีและเอดส์เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตทั่วโลก และยังเป็นโรคที่คุกคามมนุษยชาติที่ร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่งในปัจจุบันนี้

ความรู้เกี่ยวกับซีดีโฟร์ CD4 สำหรับการรักษาเอชไอวีและเอดส์

โดย พ.ญ.บุณยวีร์ อนุเชษฐรักษ์ พัลซ์ คลินิก


 

เอชไอวีและเอดส์คืออะไร?


โรคเอดส์เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี เอชไอวีซึ่งย่อมาจากคำว่า human immunodeficiency virus เป็นเชื้อไวรัส ในขณะที่โรคเอดส์หรือ acquired immune deficiency syndrome คือกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกเชื้อไวรัสทำลายจนร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคทั้งหลายที่เข้าสู่ร่างกายได้

ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาจไม่พัฒนาอาการจนเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์เต็มขั้น

 

การรักษาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์


ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ให้หายขาดได้ แต่มียาหลายชนิดที่ช่วยรักษาอาการติดเชื้อเอชไอวี

มียารักษาอาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ที่ได้รับการรับรองมากกกว่า 25 ชนิด เรียกว่า ยาต้านรีโทรไวรัส (antiretroviral drugs หรือเรียกย่อว่า ARV) ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อ เอชไอวี รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคสู่คนอื่น

การรักษาอาการติดเชื้อเอชไอวีประกอบด้วยการใช้ยาต้านไวรัสในกลุ่ม ARV หลายชนิดรวมกันเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ หรือเรียกว่า Antiretroviral therapy (ART) วิธีการนี้เป็นการรักษาโรคโดยการควบคุมไวรัสไม่ให้ขยายพันธุ์ ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่น ในปัจจุบันวงการแพทย์แนะนำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกคนรับการรักษาด้วย ยา ARV

 

CD4 คืออะไร ทำไมต้องตรวจ?


CD4 เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง(ในบรรดาเม็ดเลือดขาวหลายๆชนิด) มีหน้าที่เป็นภูมิต้านท้านให้กับร่างกาย มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ด้วยการตรวจจับเชื้อโรคและส่งสัญญาณไปให้กับเซลล์ภูมิคุ้มอื่นๆที่อยู่ภายใต้สังกัดของตน ให้ออกมาปฏิบัติการทำลายเชื้อโรคนั่นเอง  คนสุขภาพดีทั่วไปจะมีค่า CD4 อยู่ที่ประมาณ 500 ขึ้นไป (อ้างอิงจาก สภากาชาดไทย) ซึ่งผู้ที่มีค่า CD4 อยู่ในระดับนี้จะสามารถต่อสู้รับมือกับเชื้อโรคต่างๆได้อย่างไม่มีปัญหา  หรืออีกนัยยะหนึ่ง CD4ที่เหมาะสม เป็นปัจจัยชี้วัดที่บ่งบอกว่าร่างกายมีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคทั่วไปได้เป็นอย่างดี

หากเปรียบร่างกายของเราเหมือนประเทศ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่เหมือนศูนย์บัญชาการของทหารหรือกระทรวงกลาโหม ที่คอยคุ้มกันและสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามารุกรานได้ และเพื่อดูแลคุ้มกันส่วนต่างๆของร่างกายได้ทั่วถึง ระบบภูมิคุ้มกันจะกระจายตัวเป็นต่อมน้ำเหลือง (lymph nodes) อยู่ตามจุดต่าง ๆ ตามรูป เหมือนค่าย ทหารเพื่อสะสมกำลังพล เมื่อต้องต่อสู้กับเชื้อโรคหรือข้าศึกที่เข้ามาในร่างกาย ค่ายทหารจะกระจายพลทหารหรือเม็ดเลือดขาวออกไปกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส สารเคมี เป็นต้น

 

เอชไอวี ทำอะไรกับ CD4?


เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จะเข้ายึดจับและทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 เมื่อทหารของร่างกายตายลงไปเรื่อยๆ ร่างกายก็จะขาดกำลังพลในการรบและพ่ายแพ้ต่อเชื้อโรคได้ง่าย
หลักในการทำงานของเอชไอวี เนื้อหาต่อไปนี้จะแสดงกลไกการติดเชื้อทั้ง 5 ขั้นตอน การเข้าใจถึงกลไกนี้จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของยาต้านไวรัสแต่ละประเภทด้วย

  1. เชื้อเอชไอวีเริ่มยึดเกาะเข้ากับผนัง CD4 โดยใช้หนามที่มีอยู่รอบ ๆ เซลล์แทงยึดที่เต้ารับของ CD4  จากนั้นจะเริ่มแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของวงจรการติดเชื้อ
  2. หลังจากที่ยึดเแน่นแล้ว เยื่อหุ้มเอชไอวีจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเยื่อหุ้ม CD4 เมื่อเจาะเกราะหุ้ม CD4 ได้ เอชไอวีจะพุ่งเข้าไปในเซลล์ CD4 ทันที
  3. เมื่อเข้าเซลล์ได้ รหัสพันธุกรรมของเอชไอวี (RNA) จะพุ่งสู่ใจกลางเซลล์ CD4 และก๊อบปี้ตัวเองขึ้นมา โดยขโมยโปรตีนของเซลล์ CD4 มาใช้ในการสร้างเนื้อตัวของลูกหลานตัวใหม่ เซลล์เอชไอวีรุ่นใหม่จะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าของเก่า
  4. เมื่อได้ทุกสิ่งอย่างครบตามองค์ประกอบเดิมเอชไอวี ตัวใหม่ก็จะผุดออกมาจากเซลล์ CD4 โดยดึงเนื้อหนังมังสามาจากผนังของ CD4 มาสร้างเปลือก
  5. กองทัพเอชไอวีถูกปล่อยออกมาจาก CD4 พร้อม ๆ กันหลายตัว การแบ่งตัวแบบทวีคูณนี้ทำให้เอชไอวีสามารถรวมกันเป็นขบวนการทำร้าย CD4 เซลล์อื่น ๆ ที่ยังแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายประมาณ 3-12 สัปดาห์ ร่างกายจะสังเคราะห์แอนติบอดี้ซึ่งเปรียบเหมือนตำรวจตรวจจับสิ่งแปลกปลอมออกมาเพื่อจะจับกุมเชื้อเอชไอวี แต่ก็สายไปแล้ว แอนติบอดี้ที่ร่างกายผลิตขึ้นมานี้ คือสารที่ตรวจเจอเวลาเราไปตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี

 

หลังจากเอชไอวีเข้าไปในซีดีโฟร์แล้ว มันจะทำอะไรกับ CD4?


เมื่อ CD4 ถูกเอชไอวีใช้ในการแบ่งตัว จะไม่สามารถทำงานเป็นทหารได้อีกต่อไป CD4 เหล่านั้นจะหมดสภาพและถูกทำลายไป ทั้งทางตรงและทางอ้อม

  • ทางตรง: CD4 ที่ติดเชื้อจะเอชไอวีถูกขโมยเนื้อเยื่อและสารประกอบไปผลิตเอชไอวีตัวใหม่ และเมื่อลูกหลานของเอชไอวีจำนวนมากผุดออกมาจากเซลล์ CD4 ตัวนั้นจะตายลง เนื่องจากเนื้อเยื่อภายในถูกทำลายอย่างหนัก หรือถ้ายังไม่ตายในทันทีก็จะหมดอายุและตายในเวลาต่อมา
  • ทางอ้อม: CD4 ที่ติดเชื้ออาจตั้งโปรแกรม ทำลายตัวเอง (Apoptosis) เมื่อระบบและกลไกการทำงานของเซลถูกรบกวนจากการผลิตลูกของเอชไอวี ผู้มีเชื้อส่วนใหญ่ จะมีเซลล์ Apoptosis ในกระแสเลือดและต่อมน้ำเหลืองจำนวนมากกว่าคนที่ไม่มีเชื้อ

 

CD4 เกี่ยวอะไรกับ HIV และทำไมผู้ป่วย HIV ต้องติดตามค่า CD4?

อย่างที่ได้อธิบายไปในข้างต้นแล้วว่า CD4 มีหน้าที่ตรวจจับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และส่งสัญญาณไปให้กับเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆให้ออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค  เมื่อติดเชื้อ HIV ขึ้นมา  เชื้อ HIV จะเข้าไปจับใช้ CD4 เป็นโรงงานหรือฐานการผลิตเชื้อ HIV เพื่อให้มีการเพิ่มปริมาณของเชื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก

จะเห็นได้ว่าเชื้อ HIV มีผลทำลายและรบกวนการทำงานของเม็ดเลือดขาว CD4 โดยตรง ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในไม่เข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง CD4 จะถูกทำลายลงไปจนเหลือไม่มากพอที่จะต่อสู้กับโรคติดเชื้อและเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ

ในคนสุขภาพดีนั้น ปกติแล้วจะมีค่า CD4 อยู่ที่ประมาณ 500 ขึ้นไป (อ้างอิงจาก สภากาชาดไทย) ส่วนในผู้ติดเชื้อ HIV อนุโลมให้ที่ประมาณ 350 ขึ้นไป  หากระดับ CD4 มากกว่า 350 ในผู้ติดเชื้อ HIV แสดงว่าภูมิต้านทานยังดีอยู่ 

 

CD4 ที่เท่าไหร่ถึงเรียกว่าระดับน่าเป็นห่วง

ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตรวจวัด CD4 ได้ที่ระดับน้อยกว่า 200  ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ เรียกว่า โรคติดเชื้อฉวยโอกาสเนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับยาต้านไวรัสก็ ค่า CD4  ก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับและจะเริ่มคงที่อยู่ที่ระดับ 500 – 600 ตามแต่สภาพทางร่างกายของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไรแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือผู้ที่มีร่างกายปกติ การรับประทานอาหารให้ครบ  5 หมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้

 

ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของค่า CD4 ?

นอกจากการติดเชื้อ HIV จะทำให้ค่า CD4 ลดลงได้แล้ว การติดเชื้ออื่นๆก็ส่งผลให้ CD4 ลดลงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดใหญ่, ปอดอักเสบ, โรคเริม หรือการได้รับยาเคมีบำบัด เป็นต้น และการดูแลตนเองเพื่อให้ค่า CD4 เพิ่มขึ้นนั้น สามารถทำได้โดยการรับประทานยาต้านไวรัสให้ต่อเนื่องและตรงเวลา หลีกเลี่ยงการรับเชื้อเพิ่มโดยการไม่ใส่ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน,  ดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ

 

เมื่อไหร่ควรตรวจ CD4?

เมื่อได้รับการวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ครั้งแรก และหลังจากนั้นทุกๆ 6-12 เดือนแล้วแต่สภาวะของผู้ป่วยนั้นๆ เพิ่อช่วยติดตามการตอบสนองต่อการรักษา โดยจะมีการเจาะเลือด STD screening test ติดตามคู่ไปด้วยคือ HIV  Viral load,  CD4, Kidney, Liver  และ regular STD screening test.

 

จำเป็นต้องกินอาหารเสริมเพิ่มซีดีโฟร์หรือไม่?

เตามที่มีการโฆษณาอาหารเสริมช่วยเพิ่มภูมิต้านทานหรือซีดีโฟร์ในผู้ป่วยเอดส์หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่ได้เป็นเอดส์ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเสียเงินซื้อของที่ไม่จำเป็น เพราะ

  1. ภูมิต้านทานหรือซีดีโฟร์ในร่างกายเปลี่ยนแปลงตลอด สามามรถเปลี่ยนแปลงระหว่างวันก็ได้ โดยค่าปกติ 470 - 1400 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ค่าซีดีโฟร์วันนี้อาจจะ 480 ในอนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงเป็น 960 โดยไม่ต้องกินอาหารเสริมก็ได้ 
  2. แค่กินยาต้านไวรัสรักษาเอชไอวีอย่างถูกต้องก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลดปริมาณไวรัสและเพิ่มซีดีโฟร์ให้ขึ้นเป็นปกติ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออาหารเสริมเพิ่มซีดีโฟร์มากิน เปลืองเงิน
  3. จำไว้ว่า ยาต้านไวรัสเท่านั้นที่ช่วยลดปริมาณไวรัสและเพิ่มระดับภูมิคุ้มกนซีดีโฟร์ ไม่มีอาหารเสริมที่สามารถใช้เพิ่มภูมิคุ้มกันหรือรักษาเอดส์ได้

 

ต้องการเพิ่ม CD4

ผู้มีเชื้อเอชไอวีต้องทานยาต้านเอชไอวีตรงเวลาทุกวัน และนอกจากนี้ต้องดูแลตัวเอง เลิกสิ่งเสพติดทุกชนิดและลดความวิตกกังวล จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยความปรารถนาดีจากทีมพัลซ์คลินิก

 

ถ้าคุณกำลังมองหาคลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศที่พร้อมดูแล เชื่อใจได้ และรู้ใจคุณ มาหาเราได้เลยที่ P U L S E Clinic

แอดไลน์ @pulseclinic เพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์

ตรวจ CD4 ที่พัลซ์คลินิกได้ไหม?

  • ตรวจซีดีโฟร์, ซีดีสี่ (CD4 count)
  • ค่าบริการ 500 บ. รอผล 3 วัน
  • ไม่ต้องอดอาหาร ก่อนเจาะเลือด
  • ใช้ตรวจในผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อประเมินสภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือติดตามการรักษาด้วยยาต้านเอชไอวี ฯ
  • หากไม่สะดวกมารับผล มีบริการส่งทาง Email / Line
  • มีนักเทคนิคการแพทย์ อธิบายผลตรวจให้ และหากต้องการรักษาด้วยยาต้านไวรัส สามารถแนะนำแพทย์เฉพาะทางให้ได้
  • โปรดนัดหมาย จองคิวล่วงหน้า
  • สามารถนัดหมายได้ที่เว็บไซต์นี้ โดยการกด จองคิว  

 

สาขาทั้งหมดของพัลซ์ คลินิก


 

 ประเทศไทย
พัลซ์ คลินิก สีลม กรุงเทพ info.bkk@pulse-clinic.com  โทร:+66 65237 1936 หรือ WhatsApp หรือ LINE official account 
พัลซ์ คลินิก นานา กรุงเทพ info.bkk@pulse-clinic.com โทร:+66 95915 6385 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก นานา2 กรุงเทพ info.bkk@pulse-clinic.com โทร+66 99426 6982 or WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก พร้อมพงษ์ สุขุมวิท37 กรุงเทพ, info.bkk@pulse-clinic.com  โทร: +66 92497 9353 หรือ WhatsApp หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก แอร์พอร์ตเรียลริ้งพญาไท กรุงเทพ info.bkk@pulse-clinic.com  โทร:+66 95515 2826

พัลซ์ คลินิก อโศก - ศูนย์สุขภาพ อโศก กรุงเทพ info@eu-health.org  โทร :+66 64 742 6528 หรือ WhatsApp หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก พัทยาเหนือ, info.bkk@pulse-clinic.com  โทร:+66 84 236 2259 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก พัทยาใต้, info.bkk@pulse-clinic.com  โทร+66 62 828 7969 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก นิมมาน เชียงใหม่ info.cnx@pulse-clinic.com  โทร+66 99479 7168 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก ป่าตอง ภูเก็ต info.phuket@pulse-clinic.com  โทร:+66 95261 5282 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

พัลซ์ คลินิก เมืองภูเก็ต ภูเก็ต info.phuket@pulse-clinic.com  โทร+66 64059 1495 หรือ WhatsApp  หรือ LINE official account 

 

 ประเทศมาเลเซีย
พัลซ์ คลินิก บูกิตบินตัง กัวลาลัมเปอร์ info.kl@pulse-clinic.com  โทร: +60165388678, Whatsapp +60321102122

พัลซ์ คลินิก บังซา กัวลาลัมเปอร์ info.kl@pulse-clinic.com  โทร:+60137818678, Whatsapp +60321102122

พัลซ์คลินิก ปีนัง info.pg@pulse-clinic.com  +60138039693, Whatsapp +60138039693

 

 ฮ่องกง
พัลซ์คลินิกเซ็นทรัล ฮองกง info.hk@pulse-clinic.com  โทร:+852 2389 8250

 

 ประเทศสิงคโปร์
พัลซ์คลินิก ตันจง ปาการ์ สิงคโปร์ info.sg@pulse-clinic.comโทร: +65 6974 5919

 

 ประเทศฟิลิปปินส์

พัลซ์ คลินิก มะนิลา ฟิลิปปินส์  info.ph@pulse-clinic.com  โทร: +63 91712454970หรือ WhatsApp หรือ LINE official account 

 

+66-84-226-2569 

@pulserx

PulseClinic

 

 

ถ้าคุณกำลังมองหาคลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศที่พร้อมดูแล เชื่อใจได้ และรู้ใจคุณ มาหาเราได้เลยที่ P U L S E Clinic

แอดไลน์ @pulseclinic เพื่อรับคำปรึกษาออนไลน์

WHAT ELSE DO YOU NEED TO KNOW

This site uses cookies to improve your experience. If you continue browsing, you accept our use of cookies. You can review our privacy & policy to find out more about the cookies we use.